ประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ อันตรายไหม??
ประจำเดือนเป็นกระบวนการทางธรรมชาติของผู้หญิงที่บ่งบอกถึงความพร้อมในการตั้งครรภ์ โดยทั่วไป รอบเดือนแต่ละรอบของผู้หญิงจะห่างกันประมาณ 21-35 วัน หากประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ คือ ประจำเดือนมาน้อยกว่า 21 วัน หรือมีปริมาณเลือดประจำเดือนน้อยกว่า 30 มิลลิลิตรต่อรอบเดือน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
- สาเหตุจากฮอร์โมน เช่น ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง ภาวะพร่องฮอร์โมนเอสโตรเจน ภาวะพร่องฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
- สาเหตุจากโรคหรือภาวะอื่นๆ เช่น โรคอ้วน โรคไทรอยด์ โรคเบาหวาน โรครังไข่ polycystic syndrome (PCOS) โรคมะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งมดลูก
- สาเหตุจากการใช้ยา เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิด ยารักษาโรคจิตเภท ยารักษาโรคมะเร็ง

ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติอาจไม่อันตรายเสมอไป หากเกิดจากสาเหตุที่ไม่เป็นอันตราย เช่น ใกล้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากเกิดจากสาเหตุที่อาจเป็นอันตราย เช่น โรคหรือภาวะอื่นๆ ข้างต้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น
- เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างมวลกระดูก หากขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจทำให้กระดูกพรุนได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) หากขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่ เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์รังไข่ หากขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่

ดังนั้น หากพบว่าประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
วิธีดูแลตัวเองเมื่อประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ
หากพบว่าประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ สามารถทำได้ดังนี้
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือสารเสพติด ที่อาจส่งผลต่อฮอร์โมนเพศหญิง
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อติดตามอาการและหาสาเหตุของภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ

เมื่อประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ ควรพบแพทย์เมื่อไหร่
ควรพบแพทย์เมื่อพบว่าประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น
- มีอาการปวดท้องประจำเดือนรุนแรง
- มีประจำเดือนกะปริดกะปรอย
- มีเลือดออกระหว่างรอบเดือน
- มีน้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างผิดปกติ
- มีขนขึ้นบริเวณใบหน้าหรือลำตัว
- มีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกกลางคืน

หากพบแพทย์แล้ว แพทย์อาจพิจารณาตรวจร่างกาย ตรวจเลือด หรือตรวจอัลตราซาวนด์ เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

รวมเคล็ดลับบำรุงแก้ปวดประจำเดือน
แนะนำสูตรวิจัยอาหารเสริมNV7
แก้ปวดประจำเดือน
🌿 ไม่ใช่แค่แก้ปวด แต่ป้องกันไม่ให้ปวดอีกต่อไป!
ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ทางไลน์
